ไหนๆ พวกเธอคนไหนเป็นสาวกฟุตบอลกันบ้างจ๊ะ ใครเชียร์ทีมไหนอยู่บ้างมาอัพเดตกันหน่อยยย
ช่วงนี้ฟุตบอลกำลังมาเลย แต่ละสโมสรเขาก็จะเล่นต่างกัน นักกีฬาก็คือเทพๆทั้งนั้น แล้วถ้าเราอยากจะมีสโมสรฟุตบอลต้องมีเงินทุนเท่าไหร่กันน้า วันนี้แอดพามาดูเหล่าเจ้าของสโมสรจากทีมต่างๆ ที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในโลกของวงการลูกหนังกัน ตามแอดไปดูกันเลย ว่าจะมีทีมที่คุณเชียร์อยู่รึเปล่า
เรามาเริ่มกันที่อันดับ 1 เลยละกัน
Sheikh Mansour จากสโมสร Manchester City
เป็นเจ้าของทีมที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคหลังเลยก็ว่าได้ เพราะมันเป็นการเทคโอเวอร์ที่โด่งดังมาก ชีค มานซูร์ เข้ามาพร้อมกับการวางรากฐานขององค์กร เขาคือเจ้าของสโมสรฟุตบอลที่รวยที่สุดนับตั้งแต่ที่เขาใช้เงินเพียง 210 ล้านปอนด์ซื้อแมนซิตี้เข้ามาเป็นของตัวเองเมื่อปี 2008 เขาก็ได้เปลี่ยนแปลงแมนซิตี้ให้กลายเป็นชั้นนำของโลกไปแล้วในตอนนี้
มาต่อกันที่ อันดับ 2
Dietrich Mateschitz จากสโมสร RasenBallsport Leipzig
กิจการที่ประสบความสำเร็จนี้ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในคนที่มีชื่อเสียงในการเป็นเจ้าของ อาเบไลป์ซิก ทีมที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2009 แต่ว่าเขาก็ใช้เวลาเพียงไม่นาน จากลีกล่างได้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นทีมชั้นนำของยุโรป ถือว่าประสบความสำเร็จสูงสุดก็ว่าได้ สำหรับทีม อาร์เบ ไลป์ซิก ที่เข้าสู่รอบรองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกได้สำเร็จ แต่พลาดท่าให้กับ ปารีสแซงต์แชร์กแมง อย่างน่าเสียดาย
และอันดับ 3
Andrea Agnelli จากสโมสร Juventus
เป็นเจ้าของรุ่นที่สามของยูเวนตุส สโมสรยักษ์ใหญ่ของอิตาลี ต่อจากพ่อและปู่ของเขา ครอบครัวอันเญลลี่เป็นเจ้าของสโมสรตั้งแต่ปี 1947 (พ.ศ.2490) ได้เห็นช่วงเวลาที่ทัพม้าลายกลายเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของอิตาลีหลังจากคว้าแชมป์ลีกในประเทศได้ถึง 36 สมัย ยูเวนตุสยังได้ลิ้มรสความสำเร็จในยุโรปภายใต้การดูแลของอันเญลลี่ด้วยการคว้ายูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ได้สองสมัย
อันดับที่ 4
Dietmar Hopp จากสโมสร Hoffenheim
วิศวกรซอฟต์แวร์ชาวเยอรมันที่ดูแลสโมสรจากลีกระดับภูมิภาคไปจนถึงบุนเดสลีก้าอย่างเงียบๆ นับตั้งแต่เขาเริ่มลงทุนในปี 1990 และเขายังกลายเป็นผู้เล่นของสโมสรตอนช่วงวัยรุ่นก่อนจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในปี 2015 ทำให้เขาเป็นเจ้าของคนเดียวคนแรกของทีมในประวัติศาสตร์บุนเดสลีก้า ฮอปป์ ซึ่งเป็นคนที่รวยที่สุดอันดับแปดในเยอรมนี เขาทุ่มเงินสร้างสนามขนาด 30,000 ที่นั่งแห่งใหม่ และได้เห็นว่าสโมสรจบอันดับสามในลีกสูงสุดระหว่างช่วงที่เขาอยู่กับสโมสร
อันดับที่ 5
Roman Abramovich จากสโมสร Chelsea
การซื้อเชลซีของโรมัน อับราโมวิช ในปี 2003 พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับเกมในอังกฤษ โดยที่มหาเศรษฐีชาวรัสเซียได้เข้ามาเปลี่ยนการแข่งขันในพรีเมียร์ลีก ด้วยการอัดฉีดเงินสดจำนวนมหาศาลลงไป เขาใช้เวลาเพียงสองปีการลงทุนก็ผลิดอกออกผล อับราโมวิชเปลี่ยนเชลซีจากทีมดาดๆ กลายเป็นแชมป์ การคว้าแชมป์ลีกในปี 2005 ของพวกเขาเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ตั้งแต่นั้นมาทัพสิงโตน้ำเงินครามก็คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ได้อีก 4 สมัยและแชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 2 สมัยในช่วง 18 ปีที่เขาดูแลทีม อับราโมวิชมีเงินจากการเป็นพ่อค้าน้ำมันและการลงทุนในอะลูมิเนียม รวมถึงการร่วมทุนอื่นๆ ซึ่งทำให้เขามีเงินมาใช้จ่ายสำหรับเชลซี
ต่อมา อันดับที่ 6
Philip Anschutz จากสโมสร Los Angeles Galaxy
เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ และได้รับเหรียญเกียรติยศ National Soccer Hall of Fame สำหรับการมีส่วนร่วมในวิวัฒนาการของอเมริกันฟุตบอล แอนส์ชูตซ์ และ กาแล็กซี่ ได้รับความสนใจจากทั่วโลกด้วยการทำข้อตกลงมูลค่ามหาศาลเพื่อนำเดวิด เบ็คแฮม มาค้าแข้งในอเมริกาเมื่อปี 2007 ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ช่วยให้สโมสรและเมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ เป็นที่รู้จักในแผนที่โลก แอนส์ชูตซ์ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, น้ำมัน และอุตสาหกรรมบันเทิงเพื่อช่วยด้านการเงินกับกาแล็กซี่
มาต่อกันที่อันดับ 7
Enos Stanley Kroenke จากสโมสร Arsenal
สแตน โครเอนเก้ ค่อยๆ ยกระดับอิทธิพลของเขาที่อาร์เซนอลนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการในปี 2008 มหาเศรษฐีชาวอเมริกันเป็นเจ้าของเครือข่ายสโมสรกีฬา รวมถึง เดนเวอร์ นักเก็ตส์ ในเอ็นบีเอ และ ลอสแองเจลิส แรมส์ ในเอ็นเอฟแอล โครเอนเก้ กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของเดอะ กันเนอร์ส มาตั้งแต่ปี 2018 แต่เขากลายเป็นเป้าหมายหลักของการประท้วงของแฟนๆ ตั้งแต่นั้นมา โดยฐานแฟนๆ ส่วนใหญ่รู้สึกว่าความมั่งคั่งของเขาไม่ได้ถ่ายเทมาเป็นการลงทุนที่เอมิเรตส์แต่อย่างใด
และอันดับสุดท้าย อันดับที่ 8
Nasser Al-Khelaifi จากสโมสร Paris Saint-Germain
นักธุรกิจชาวกาตาร์เป็นเจ้าของสโมสรที่ร่ำรวยที่สุดของฝรั่งเศสอย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และเป็นประธานของ beIN Media Group (บีอิน มีเดีย กรุ๊ป) ผู้ครองลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกดังของยุโรป เขาแขวนแร็กเก็ตจากการเล่นเทนนิสอาชีพในปี 2004 และได้ช็อปปิ้งนักเตะอย่างสนุกสนานนับตั้งแต่เขามาถึงเมืองหลวงของฝรั่งเศส เขาเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังสถิติโลกมูลค่า 198 ล้านปอนด์เพื่อนำเนย์มาร์ไปปารีสในปี 2017 แต่ถึงแม้จะประสบความสำเร็จในประเทศอย่างยั่งยืน แต่ความร่ำรวยเหล่านั้นก็ไม่สามารถนำความรุ่งโรจน์ในเวทียุโรปมาสู่ทีมได้
เป็นไงล่ะ แต่ละสโมสรที่แอดนำเสนอวันนี้ ไม่ธรรมดาเลยใช่ไหมล่ะ ใครทีมไหนมาอัพเดตให้แอดฟังหน่อยเร็วว
Cr. https://bit.ly/3CT9xAr
https://bit.ly/3k29ytg
https://bit.ly/3yVtHaE